Skip to main content

กรุ๊ปเลือด O เสี่ยงโรคน้อยกว่ากรุ๊ปเลือดอื่น จริงหรือไม่?

โดย 25/09/2020ตุลาคม 20th, 2020บทความเพื่อสุขภาพ

เรื่องน่ารู้:

      • กรุ๊ปเลือดของคุณสามารถบอกความเสี่ยงของโรคได้ เช่น โรคภาวะหัวใจวายหรือโรคหัวใจ โรคสมองเสื่อม โรคมะเร็งตับอ่อน เป็นต้น
      • การรู้ถึงความเสี่ยง คือ การป้องกันและดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด และสามารถที่ปรับวิถีการดำเนินชีวิตประจำวันให้เข้ากับความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ เพื่อให้คุณมีสุขภาพดีและแข็งแรง

       

    รู้หรือไม่? ความโชคดีของคนเลือดกรุ๊ป O คือ คุณเป็นผู้ที่มีภาวะเสี่ยงโรคหัวใจ สมองเสื่อม และมะเร็งตับอ่อน น้อยกว่าเลือดกรุ๊ป A, B และ AB แต่สำหรับผู้ที่มีกรุ๊ปเลือดดังกล่าวก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะพาธแล็บมีวิธีป้องกันและดูแลสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงได้ด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้

    ภาวะหัวใจวายและโรคหัวใจการป้องกันและดูแลสุขภาพ

    ???? ความเสี่ยง: กรุ๊ปเลือด A, B และ AB
    ???? ความเสี่ยงน้อย: กรุ๊ปเลือด O

    ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
    การศึกษาดำเนินการในปี 2012 ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่าคนที่ตกอยู่ในกรุ๊ปเลือด AB มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยเฉพาะกรุ๊ปเลือด A จะมีความเชื่อมโยงกับการมีระดับคอเลสเตอรอลไม่ดี หรือ LDL สูง และคนกรุ๊ปเลือด A, B และ AB มีโปรตีนที่ช่วยในการจับเป็นลิ่มของเลือดสูงกว่า จึงมีผลให้เกิดการสะสมของคราบจุลินทรีย์และการอุดตันในหลอดเลือด ที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อกลุ่มโรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease: CAD or Coronary Heart Disease:CHD) ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหลอดเลือดส่วนปลาย ซึ่งเป็นสาเหตุการตายของคนไทยเป็นอันดับ 3 รองจากโรคมะเร็งและอุบัติเหตุ จากสถิติผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจในประเทศไทยพบว่า มีผู้ป่วยรายใหม่เกิดขึ้น 21,700 รายต่อปี และในทุกชั่วโมงคนไทยจะเสียชีวิตจากโรคดังกล่าวเฉลี่ย 2.3 คน หรือวันละ 54 คน และจะมีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นหากอยู่ในบริเวณที่มีระดับมลพิษสูงจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โดยกรุ๊ปเลือด O จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจต่ำกว่ากรุ๊ปเลือดอื่นถึง 23% ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคุณมีภูมิต้านทานต่อโรคหัวใจ แต่การวิจัยแสดงให้เห็นว่าโอกาสในการเกิดโรคหัวใจจะลดลง

    การป้องกันและดูแลสุขภาพ

    • อยู่นอกพื้นที่ที่มีมลพิษสูงและควรออกกำลังกายในอาคาร
    • กินอาหารเพื่อสุขภาพบำรุงหัวใจ เช่น การกินผัก ผลไม้ ปลา ธัญพืช และถั่ว
    • ออกกำลังกายเป็นประจำ
    • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
    • ตรวจสุขภาพหัวใจของคุณ โดยเฉพาะระดับไขมันในเส้นเลือด (Cholesterol) และ โฮโมซีสเตอีน (Homocysteine) ซึ่งทำให้คุณทราบเกี่ยวกับสัญญาณเตือนของปัญหาหัวใจได้

โรคสมองเสื่อม

???? ความเสี่ยง: กรุ๊ปเลือด A, B และ AB
???? ความเสี่ยงน้อย: กรุ๊ปเลือด O

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

กรุ๊ปเลือด A, B และ AB มีความเสี่ยงสูง 82% ที่จะเกิดโรคสมองเสื่อมที่เชื่อมโยงมาจากการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่กรุ๊ปเลือดกลุ่มนี้มีความเสี่ยงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จากการศึกษาและวิจัยของมหาวิทยาลัยเวอร์มอนต์ พบว่า ผู้ที่มีกรุ๊ปเลือด AB มีความเสี่ยงกับปัญหาเกี่ยวกับความจำ ที่อาจนำไปสู่ภาวะสมองเสื่อมเมื่อเทียบกับผู้ที่มีเลือดอื่น ๆ ประเภท และสาเหตุอันเนื่องมาจากการมีโปรตีนที่แข็งตัวซึ่งเรียกว่า “ปัจจัยการแข็งตัว (Factor VIII)” ในเลือดบางกลุ่ม โปรตีนนี้สามารถลดคุณภาพการไหลเวียนของเลือดไปยังสมองได้ ซึ่งจะแตกต่างจากการแข็งตัวของเลือดในบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บหรือเป็นแผล หากเกิดบาดแผลโปรตีนนี้ซึ่งจะทำให้เลือดเกาะตัวเป็นลิ่มเลือดมากกว่าปกติจะส่งผลให้เส้นเลือดอุดตันได้ โปรตีน Factor VIII ที่มากเกินไปอาจส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ภาวะหัวใจวายหรือหลอดเลือดดำอุดตัน

การป้องกันและดูแลสุขภาพ

  • เลี่ยงการสูบบุหรี่
  • พัฒนาทักษะความจำ เช่น การทายปริศนาจากเกมส์ฝึกเชาว์ปัญญาต่างๆ หรือปัญหาคณิตศาสตร์ การต่อจิ๊กซอว์ ฝึกการพูดหลากหลายภาษา และพัฒนาทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นต้น 
  • กินอาหารบำรุงสมอง เช่น ปลาน้ำทะเลลึก ซึ่งเป็นแหล่งไขมันโอเมก้า-3 ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ไม่ให้สูงเกินค่ามาตรฐาน อันเป็นสาเหตุของไขมันอุดตันในหลอดเลือดของหัวใจและสมอง และสาร DHA ช่วยพัฒนาสมองส่วนของความจำและการเรียนรู้
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

โรคมะเร็งตับอ่อน

???? ความเสี่ยง: กรุ๊ปเลือด A, B และ AB
???? มีความเสี่ยงน้อย: กรุ๊ปเลือด O

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

การค้นพบของทีมนักวิจัยจากสถาบัน Dana-Farber Cancer ได้เผยแพร่ทางออนไลน์โดยวารสารของสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2009 โดยการวิธีการวิเคราะห์กรุ๊ปเลือดเพื่อหาความเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งตับอ่อนในผู้เข้าร่วมการศึกษาติดตามสุขภาพครั้งใหญ่ 2 ครั้ง การศึกษาล่าสุดนี้แสดงให้เห็นว่าในขณะที่ความเสี่ยงโดยรวมของผู้คนในการเป็นมะเร็งตับอ่อนค่อนข้างต่ำโดยมีผู้ป่วยรายใหม่เกือบ 40,000 รายที่ได้รับการวินิจฉัยทุกปีในสหรัฐอเมริกาเทียบกับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่รายใหม่เกือบ 150,000 ราย ผู้ที่มีกรุ๊ปเลือด A, B และ AB มีจำนวนมากกว่า มีแนวโน้มที่จะเกิดโรคมะเร็งตับอ่อนมากกว่ากลุ่มผู้ที่มีกรุ๊ปเลือด O พวกเขาพบว่าผู้ที่มีเลือดเป็นกรุ๊ป A มีโอกาสเกิดมะเร็งตับอ่อนสูงขึ้น 32 เปอร์เซ็นต์ ผู้ที่เลือดกรุ๊ป AB มีโอกาสสูงขึ้น 51 เปอร์เซ็นต์ และผู้ที่มีเลือดกรุ๊ป B มีโอกาสสูงขึ้น 72 เปอร์เซ็นต์

นักวิจัยวิเคราะห์ไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงของแอนติเจน หรือ สิ่งแปลกปลอมในร่างกายต่าง ๆ ที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองในการเข้าไปควบคุมเพื่อกำจัด โดยอาจเกิดปฏิกิริยารบกวนความสามารถการส่งสัญญาณของระบบภูมิคุ้มกันในการตรวจจับเซลล์ที่ผิดปกติซึ่งอาจทำให้เกิดมะเร็งได้ในกรุ๊ปเลือด A, B และ AB แอนติเจนในเลือดอาจส่งผลต่อระดับโปรตีนอักเสบในเลือดของคน การอักเสบเรื้อรังเชื่อมโยงกับความเสี่ยงมะเร็งตับอ่อน

การป้องกันและดูแลสุขภาพ

  • กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช ปลา และเลี่ยงการกินอาหารที่มีรสจัด เช่น หวานจัด เค็มจัด มันจัด อาหารจานด่วนหรืออาหารขยะ (Junk Food) ควรเลือกกินอาหารให้ถูกหลักโภชนาการหรืออาหาร 5 หมู่อย่างเหมาะสมและหลากหลาย
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ตรวจสุขภาพเพื่อหาสารบ่งชี้มะเร็งตับอ่อน (CA19.9)

นอกจากนี้กรุ๊ปเลือดเหล่านี้สามารถที่จะทำนายการเกิดโรคได้จากการตรวจเลือด ซึ่งจะเป็นการดูแลสุขภาพเชิงรุกที่จะสามารถป้องกันก่อนที่โรคจะเกิดขึ้นในอนาคต

กรู๊ปเลือด O เสี่ยงน้อยกว่ากรุ๊ปเลือดอื่น จริงหรือไม่

พาธแล็บยินดีให้คำแนะนำ และปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพ หรือหากสนใจบริการของเราสามารถติดต่อได้ที่


ศูนย์บริการพาธแล็บ: 02 619-2299 หรือ 02 619-2288


Facebook Inbox: bit.ly/PathlabMessenger


LINE Official: https://lin.ee/7foBIeB


Website: www.pathlab.co.th


  Location สาขาใกล้ๆ คุณ: bit.ly/2Otfw77

อ้างอิงจาก:

  1. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). (2563). “4 วิธี ลดเสี่ยงเบาหวาน”. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2563. จากเว็บไซต์: https://www.thaihealth.or.th/Content/30012-4%20วิธี%20ลดเสี่ยงเบาหวาน.html
  2. คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล. (2554). “มารู้จักหมู่เลือดกันเถอะ (ตอนที่ 1)”. . สืบค้นเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2563. จากเว็บไซต์: https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=846
  3. โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์. (2561). “โรคหลอดเลือดหัวใจ…ภัยใกล้ตัว (Coronary Heart Disease)”. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2563. จากเว็บไซต์: https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/850/Coronaryheartdisease
  4.  Penn Medicine: University of Pennsylvania Health System. (2019). “What Does Your Blood Type Have to Do With Your Health?” Retrived September 24, 2020, from https://www.pennmedicine.org/updates/blogs/health-and-wellness/2019/april/blood-types#:~:text=But%20your%20blood%20type%20can,this%20gene%20is%20Type%20O.
  5. The University of Vermont Medical Center. (2018). “Alzheimer’s Disease: Q&A With a Geriatrician on Signs, Symptoms & More”. Retrived September 24, 2020, from https://medcenterblog.uvmhealth.org/brain-nervous-system/alzheimers-disease/

แสดงความคิดเห็น

Close Menu